Skip to main content

ปวดเข่า

การตรวจอัลตราซาวด์ระบบข้อต่อและกล้ามเนื้อ
Posted: April 21, 2022 By: adminrehabcare2 Categories:  Comment:  0

#ปวดเข่า #เข่าเสื่อมหรือคิดไปเอง #ทำไมข้อเข่ามีเสียง สามารถตรวจโดยใช้เครื่องอัลตราซาวน์วินิจฉัยเพื่อตรวจดูความผิดปกติ หรือ Ultrasound Diagnosis เทคโนโลยีเพื่อความสามารถ ความละเอียดในการวินิจฉัยโรค หาความผิดปกติของโรคในระบบกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อและเส้นประสาท มีความถูกต้องและแม่นยำสูง 

คนไข้เห็นภาพความผิดปกติจากเครื่องอัลตราซาวน์ทันที ทำให้สามารถเข้าใจโรคได้ดีขึ้น นอกจากนี้เมื่อนำมาใช้นำการฉีดยา ทำให้มีความแม่นยำถึง 99% ปลอดภัยและให้ผลการรักษาที่ดี เจ็บน้อย ไม่เสี่ยงโดนจุดที่เป็นอันตรายเช่นการฉีดโดนเส้นเลือดหรือเส้นประสาท

เครื่องอัลตราซาวน์วินิจฉัยสามารถเห็นอะไรได้บ้าง ?

1. ความเสื่อมข้อเข่า 

2. กระดูกงอกบริเวณเข่า

3. การอักเสบในข้อเข่า 

4. ถุงน้ำหลังข้อพับเข่า

หากพบว่ามีอาการเข่าเสื่อม การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียมคือการเพิ่มความหล่อลื่นในข้อเข่า และการกายภาพบำบัดจะช่วยลดอาการปวด ซ่อมแซมและรักษาเนื้อเยื่อในข้อเข่าที่มีการอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเจ็บ แน่น บวม และร้อน ในข้อเข่า

สรุป หากมีอาการปวดเข่า เข่ามีเสียง แนะนำตรวจด้วยอัลตราซาวด์ ไม่มีรังสี ปลอดภัย ช่วยหาสาเหตุของอาการปวดเข่าได้ดีกว่า X-Ray เพราะ X-Rayเห็นแต่กระดูก แต่อัลตราซาวด์สามารถเห็นข้อต่อ เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ หมอนรองกระดูก เนื้อเยื้อ หรือกระทั่งถุงน้ำในข้อเข่า ทำให้แพทย์สามารถวินิฉัยโรคอย่างแม่นยำ

และการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียมของ Rehab care clinic จะทำการฉีดโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเฉพาะทางด้านระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ใช้ “อัลตราซาวนด์นำวิถีการฉีด” ทำให้น้ำเลี้ยงข้อเทียมสามารถเข้าไปในข้อเข่าได้ตรงจุด ลดโอกาสเกิดการผิดพลาดในการฉีดและไม่มีเลือดออก
 

ปวดเข่าด้านใน เกิดจากอะไรกันแน่? ตอนที่ 1
Posted: July 14, 2021 By: adminrehabcare2 Categories:  Comment:  0

อาการปวดเข่าเป็นอาการที่พบได้บ่อยในทุกช่วงวัย เนื่องจากเข่าเป็นฐานรองรับน้ำหนักของร่างกายและยังใช้เคลื่อนไหวในกิจกรรมส่วนใหญ่ ทั้งการเดิน วิ่ง การนั่งขัดสมาธิ การเล่นกีฬาชนิดต่างๆ โดยในวันนี้แอดมินจะพาทุกคนมารู้จักกับโรคต่างๆที่ทำให้เกิดอาการปวดทางด้านในของเข่ากัน

Pes anserine bursitis

Pes anserine bursitis คืออะไร ??

เป็นการอักเสบของถุงน้ำ (Bursa) ที่อยู่ระหว่างกระดูกหน้าแข้ง (Tibia) และเส้นเอ็นของกล้ามเนื้อขาทั้ง 3 มัดหรือ Pes anserinus นั่นเอง โดยตัวถุงน้ำนี้จะทำหน้าที่ช่วยรองรับแรงกระแทกและลดแรงเสียดทานขณะเคลื่อนไหว เมื่อมีการเสียดสีของถุงน้ำกับโครงสร้างอื่นๆโดยรอบมากเกินไปจึงเกิดการอักเสบขึ้น เรียกว่า Bursitis 

Pes anserine bursitis คืออะไร ??

หลังจากรู้จักเจ้าถุงน้ำสาเหตุหลักของปัญหาเรากันแล้วก็มาดูที่โครงสร้างอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการอักเสบกันเถอะ

Pes anserine เป็นชื่อเรียกจุดเกาะของกล้ามเนื้อต้นขา 3 มัด ได้แก่ Sartorius, Gracilis และ Semitendinosus ซึ่งหน้าที่โดยหลักของกล้ามเนื้อเหล่านี้ คือ การงอเข่าและหมุนขาเข้าด้านใน (Knee flexion and tibial internal rotation)

  Pes anserine


สาเหตุของโรค Pes anserine bursitis

1. การใช้งานเข่าอย่างหนักและต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการใช้งานกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการงอเข่า ซึ่งจะทำให้เกิดการเสียดสีที่ Pes anserine bursa มากยิ่งขึ้นส่งผลให้เกิดการอักเสบได้

2. การได้รับอุบัติเหตุบริเวณข้อเข่าหรือแรงกระแทกโดยตรงที่บริเวณเข่าด้านใน

3. ขาดการยืดกล้ามเนื้อที่เหมาะสมก่อนการวิ่งหรือการออกกำลังกาย 

4. ผู้ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมหรือภาวะเข่าบิดเข้าด้านใน (Knock knee) มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดโรคนี้ได้


อาการของโรค Pes anserine bursitis

- มีอาการปวดบริเวณเข่าด้านในตอนใช้งาน โดยจะปวดเพิ่มมากขึ้นเมื่อขึ้นหรือลงบันได

- พบจุดกดเจ็บบริเวณจุดเกาะของกล้ามเนื้อ pes anserine ที่มีถุงน้ำอยู่ใต้ต่อ ซึ่งจะคลำได้ตรงด้านในส่วนต้นของกระดูก tibia ต่ำกว่าแนวข้อเข่าลงมาเล็กน้อย 

- ในรายที่เพิ่งเริ่มมีอาการอาจมีบวม แดง ร้อนบริเวณเข่าด้านในร่วมด้วย

- ในบางราย อาจมีกำลังกล้ามเนื้อที่ลดลง มีองศาการเคลื่อนไหวที่ลดลง หรือมีรูปแบบการเดินที่เปลี่ยนแปลงไปจากปกติได้


วิธีการดูแลรักษาต้นเองเบื้องต้น

- ในระยะแรก หากยังมีอาการบวม แดง และร้อนบริเวณข้อเข่าด้านใน แนะนำให้พักการใช้งานเข่าข้างที่มีอาการ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดอาการ เช่นการขึ้นลงบันได การวิ่ง และประคบเย็นบริเวณที่มีอาการปวดประมาณ15 -20 นาที จะช่วยบรรเทาอาการปวดและบวมได้

วิธีการดูแลรักษาต้นเองเบื้องต้น


ท่าบริหารกล้ามเนื้อต้นขาในผู้ที่มีอาการปวดเข่าด้านใน

1. ท่ายืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง 

วิธียืด : นอนหงาย คลองยางยืดหรือผ้าไว้บริเวณใต้ส้นเท้า ยกขาขึ้นจนถึงระดับที่รู้สึกตึงบริเวณด้านหลังของขา โดยที่เข่ายังเหยียดตรงอยู่ ยืดค้างไว้ 15 วินาที ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง

ท่ายืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง

2. ท่ายืดกล้ามเนื้อหน้าขา  

วิธียืด : ยืนตรง งอเข่าข้างที่ต้องการยืดขึ้นพร้อมใช้มือช่วยในการเหยียดสะโพกไปด้านหลังจนถึงจุดที่รู้สึกตึง ดังรูป ยืดค้างไว้ 15 วินาที ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง

ท่ายืดกล้ามเนื้อหน้าขา

3. ท่ายืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านใน 

วิธียืด : นั่งขัดสมาธิโดยนำปลายเท้าทั้งสองข้างชนกัน ดันปลายเท้าเข้าชิดกับลำตัวจนรู้สึกตึงบริเวณต้นขาด้านใน วางศอกลงบนต้นขาและดันลงพร้อมกับโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อยโดยที่หลังยังตรงอยู่ ยืดค้างไว้ 15 วินาที ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง

ท่ายืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านใน

4. ท่าออกกำลังกายเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อหน้าขา 

วิธีทำ : นั่งเก้าอี้ เตะขาขึ้นช้าๆจนเข่าเหยียดตรง เกร็งหน้าขาค้างไว้ 10 วินาที ทำทั้งหมด 10 ครั้ง 3 เซต 

ท่าออกกำลังกายเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อหน้าขา

5. ท่าออกกำลังกายกล้ามเนื้อสะโพก 

วิธีทำ : นอนตะแคง พร้อมงอเข่าทั้งสองข้าง เปิดขากางสะโพกออกประมาณ 90 องศา ทำทั้งหมด 10 ครั้ง 3 เซต 

ท่าออกกำลังกายกล้ามเนื้อสะโพก

สามารถติดต่อเพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพได้กับทางรีแฮปแคร์คลินิกโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นและนักกายภาพบำบัดเฉพาะทาง

สอบถามเพิ่มเติมที่ "รีแฮป แคร์ คลินิก"

ที่อยู่ : 423 ถนนเพชรเกษม แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. (อยู่ในศูนย์กีฬากันอริ ก่อนถึงซีคอนบางแค) ? 061-801-2482 Line ID : @rehabcare

เข่าเสื่อม ไม่อยากผ่า ต้องอ่าน!!
Posted: July 13, 2021 By: adminrehabcare2 Categories:  Comment:  0

“ข้อเข่าเสื่อม” คือภาวะที่กระดูกอ่อนที่ทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกภายในข้อเข่าเกิดการสึกหรอและเสื่อมสภาพลง เมื่อผิวของกระดูกอ่อนเสียหายและบางลงเรื่อยๆ กระดูกข้อเข่าทั้งสองจะเสียดสีกันเอง ทำให้รู้สึกปวดเสียวในข้อขณะที่เดินลงน้ำหนักนั่นเอง โดยการเปลี่ยนแปลงของภาวะข้อเข่าเสื่อมไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ แต่สามารถชะลอความเสื่อมได้ 

มาดูโครงสร้างของข้อเข่าเพื่อให้เข้าใจการทำงานของเข่ามากขึ้น

โครงสร้างของข้อเข่า

กระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้งจะมาประกบกันเกิดเป็นข้อเข่า และจะมีกระดูกอ่อน (Cartilage) มาหุ้มผิวข้อทั้ง 2 เพื่อไม่ให้กระดูกทั้ง 2 เสียดสีกันจนเจ็บปวดและยังช่วยดูดซับแรงกระแทกของข้อเข่าทั้ง 2 ขณะที่มีการเคลื่อนไหว นอกจากนี้ภายในข้อเข่ายังมีน้ำเลี้ยงข้อเข่า (Synovial fluid) ซึ่งทำหน้าที่เสมือนน้ำมันหล่อลื่นภายในข้อเข่าอีกด้วย 

เมื่อกระดูกอ่อนเกิดการเสื่อม ผิวกระดูกต้นขาและหน้าแข้งเสียดสีกัน ทำให้มีอาการปวดเข่าขณะเดินลงน้ำหนัก และเมื่อผิวกระดูกเกิดความเสียหายร่างกายจะสร้างกระดูกงอกขึ้นมาทดแทน (spur) แต่กระดูกงอกเหล่านี้มีลักษณะขรุขระเหมือนหินงอกหินย้อย เมื่อเคลื่อนไหวข้อเข่าทำให้กระดูกงอกใหม่ไปเสียดสีกับเนื้อเยื่อรอบข้อเข่าทำให้เกิดอาการปวดตามาได้ 

เข่าโก่ง

นอกจากนี้ผู้ที่เป็นภาวะข้อเข่าเสื่อมจะมีกำลังกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าลดลง ความมั่นคงของข้อเข่าจึงลดลง เมื่อระยะเวลานานขึ้นอาจทำให้ข้อเข่ามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเกิดเป็นเข่าโก่งได้ในที่สุด 

ภาพ X ray ข้อเข่าเปรียบเทียบระหว่างข้อเข่าปกติ (ภาพซ้าย) และข้อเข่าเสื่อม (ภาพขวา)

ภาพ X ray ข้อเข่าเปรียบเทียบระหว่างข้อเข่าปกติ (ภาพซ้าย) และข้อเข่าเสื่อม (ภาพขวา)

ภาพอัลตราซาวน์ข้อเข่า โดยจะพบว่าระยะห่างระหว่างกระดูกหรือช่องว่างในข้อเข่าลดลง และพบกระดูกที่งอกขึ้นมาใหม่

ภาพอัลตราซาวน์ข้อเข่า โดยจะพบว่าระยะห่างระหว่างกระดูกหรือช่องว่างในข้อเข่าลดลง และพบกระดูกที่งอกขึ้นมาใหม่


สาเหตุของข้อเข่าเสื่อม

1. อายุที่มากขึ้นทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของผิวกระดูกอ่อนตามวัย

2. น้ำหนักตัวที่เกินจะเพิ่มแรงกระทำต่อข้อเข่า

3. การใช้งาน ท่าทาง กิจกรรมที่กระตุ้นให้เข่าเสื่อมเร็วขึ้น เช่น การนั่งคุกเข่า นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ การเดินขึ้น-ลงบันไดบ่อยๆ ทำให้มีแรงกดต่อข้อเข่ามาก 

4. ผู้หญิงเมื่อหมดประจำเดือน

5. การใช้งานเข่าอย่างผิดวิธี เช่นออกกำลังกายโดยการวิ่งทุกวัน หรือเล่นกีฬาที่ต้องกระโดดโดยไม่ฝึกกำลังกล้ามเนื้อขา

6. เคยประสบอุบัติเหตุที่เข่าโดยตรง เคยได้รับการผ่าตัดที่เข่า จะทำให้เป็นเข่าเสื่อมเร็วขึ้น

7. ผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เก๊าต์ เป็นต้น


อาการของข้อเข่าเสื่อม

- ปวดเสียวในข้อเข่า โดยเฉพาะข้อเข่าด้านในเมื่อเวลามีการเดินลงน้ำหนัก หรือการเคลื่อนไหว เช่น เดิน ขึ้น-ลงบันได้ นั่งพับเข่า อาการดีขึ้นเมื่อหยุดพักการใช้ข้อ 

- มีอาการฝืดขัดเมื่อหยุดพักการใช้ข้อเข่าเป็นเวลานาน โดยเฉพาะช่วงเช้าหลังตื่นนอน

- ข้อเข่าบวม เนื่องจากการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบข้อเข่า 

- เมื่อขยับข้อเข่าจะมีเสียงดัง ซึ่งเกิดจากการเสียดสีของกระดูก

- เมื่อข้อเข่าเสื่อมเป็นระยะเวลานานจะพบว่าเหยียดหรืองอข้อเข่าได้ไม่ค่อยสุด กล้ามเนื้อต้นขาลีบ ข้อเข่าหลวม ข้อเข่าผิดรูปเกิดภาวะข้อเข่าโก่งทำให้เดินและใช้ชีวิตประจำวันลำบาก

อาการของข้อเข่าเสื่อม


ทำอย่างไรไม่ให้เข่าเสื่อม

- หลีกเลี่ยงอิริยาบถที่มีแรงกดที่ข้อเข่า เช่น นั่งพับเพียบ คุกเข่า ขัดสมาธิ นั่งยองๆ นั่งเก้าอี้เตี้ย ไขว้ขา หรือการบิดหมุนเข่า , การขึ้น-ลงบันไดบ่อยๆโดยไม่จำเป็น , การยกหรือแบกของหนักๆ

- ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินไป เพื่อลดแรงกดและแรงกระแทกที่ข้อเข่า

- หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่ต้องกระโดดหรือใช้ข้อเข่ามาก เช่น บาสเกตบอล การวิ่ง เทนนิส เป็นต้น

- ออกกำลังกายและบริการกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าอย่างสม่ำเสมอ โดยการออกกำลังกายที่แนะนำคือ การว่ายน้ำ และการปั่นจักรยาน 

( ศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการว่ายน้ำในภาวะข้อเข่าเสื่อมได้ที่ https://www.rehabcareclinic.com/blog/ปวดหล-ง-ปวดเข-าออกกำล-งกายในน-ำช-วยได-อย-างไร )

ออกกำลังกายใต้น้ำ


ท่าบริหารกล้ามเนื้อข้อเข่าสำหรับภาวะข้อเข่าเสื่อม

1.ยืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังและข้อพับเข่า 

วิธีทำ นอนหงายหรือนั่งหลังตรง เหยียดเข่าข้างที่จะยืดให้ตรง ใช้ผ้ายาวๆ หรือยางยืดคล้องที่เท้า กระดกข้อเท้าขึ้น และใช้มือทั้ง 2 ข้างดึงด้านปลายจนรู้สึกตึงแต่ไม่เจ็บ ค้างไว้ 10-15 วินาที ทำซ้ำ 5-8 รอบ

1.ยืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังและข้อพับเข่า

2. ยืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า 

วิธีทำ ยืนตรงมือจับเก้าอี้ งอเข่าข้างที่ต้องการยืดไปทางด้านหลัง หัวเข่าชี้ลงพื้น ใช้มือจับข้อเท้าข้างที่ยืดไปทางด้านหลัง จนรู้สึกตึงแต่ไม่เจ็บ ค้างไว้ 10-15 วินาที ทำซ้ำ 5-8 รอบ

ยืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า

3. ท่าออกกำลังกล้ามเนื้อข้อเข่า

วิธีทำ นอนหรือนั่งหลังตรง ใช้ผ้าขนหนูม้วนวางใต้ข้อพับเข่า กดเข่าลงกับผ้า พร้อมกับกระดกข้อเท้าขึ้น ค้างไว้ 10 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้ง จำนวน 3 รอบ

ท่าออกกำลังกล้ามเนื้อข้อเข่า

4. ท่าออกกำลังกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า 

วิธีทำ นอนหงายใช้ foam roller หรือ หมอนใบใหญ่วางใต้ข้อพับเข่า เตะขาขึ้นให้เข่าเหยียดตรงช้าๆ พร้อมกับกระดกข้อเท้าขึ้น ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นวางขาลงที่เดิมช้าๆ ทำซ้ำ 10 ครั้ง จำนวน 3 รอบ 

ท่าออกกำลังกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า

5. ท่าออกกำลังกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า

วิธีทำ นั่งลำตัวตรงบนเก้าอี้ เท้าทั้ง 2 ข้างวางราบ เข่างอ 90º เตะขาขึ้นเข่าเหยียดตรงช้าๆ พร้อมกับกระดกข้อเท้าขึ้น ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นวางเท้าลงกับพื้นช้าๆ ทำซ้ำ 10 ครั้ง จำนวน 3 รอบ

ท่าออกกำลังกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า

6. ท่าออกกำลังกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง

วิธีทำ ยืนตรงมือจับเก้าอี้ เตะขางอเข่าขึ้นไปทางด้านหลังช้าๆ หัวเข่าชี้ลงพื้น จากนั้นวางขาลงกับพื้นช้าๆ ทำซ้ำ 10 ครั้ง จำนวน 3 รอบ

ท่าออกกำลังกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง


การรักษาข้อเข่าเสื่อม 

มีทั้งการรักษาโดยไม่ผ่าตัด และการรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ในที่นี้ขอพูดถึงการรักษาโดยไม่ผ่าตัดนะคะ

การรักษาโดยไม่ผ่าตัด

1. ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น ลดน้ำหนัก หลีกเลี่ยงท่าที่ทำให้เกิดแรงกดต่อข้อเข่า ออกกำลังกายเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อข้อเข่า เช่นว่ายน้ำ ปั้นจักยานเป็นต้น

2. รับประทานยาแก้ปวดและยาต้านการอักเสบ

3. การทำกายภาพบำบัดเพื่อลดอาการปวด และฝึกกำลังกล้ามเนื้อต้นขา


การรักษาทางกายภาพบำบัดในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม

- การดัดดึงข้อต่อ เพื่อลดอาการปวดและเพิ่มองศาการงอ-เหยียดเข่า (Mobilization) 

การดัดดึงข้อต่อเพื่อลดอาการปวดและเพิ่มองศาการงอ-เหยียดเข่า (Mobilization)

- การใช้ Ultrasound therapy ช่วยลดอาการปวดและการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ รักษาอาการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ และข้อต่อในชั้นลึก เร่งกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ โดยจะเพิ่มการไหลเวียนเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน 

การใช้ Ultrasound therapy

- การใช้ High Power Laser therapy เกิดการกระตุ้นปลายประสาท ยับยั้งกระบวนการปวด ลดอาการปวด บวม และอักเสบ นอกจากนี้เลเซอร์มีผลความร้อน ทำให้หลอดเลือดขยายตัว มีผลในการนำเลือดและออกซิเจนมาเลี้ยงเซลล์มากขึ้น เร่งการจำกัดของเสีย ช่วยลดการอักเสบ และที่สำคัญเลเซอร์มีจุดเด่นในการปรับพลังงานของเซลล์ (ATP) จากการกระตุ้นการขนส่งออกซิเจน และไมโตรคอนเดรีย ภายในเซลล์ให้รวดเร็วขึ้น ผลจาก ATP ที่มากขึ้นทำให้เซลล์มีการซ่อมแซมฟื้นฟูที่รวดเร็วมากขึ้น

การใช้ High Power Laser therapy

วันนี้แนะกันพอหอมปากหอมคอเกี่ยวกับภาวะข้อเข่าเสื่อม ท่าบริหารสำหรับข้อเข่าเสื่อมและการรักษาไปแล้ว แต่ตอนต่อไปจะขอนำเสนอแนวทางการรักษาทางการแพทย์โดยไม่ต้องผ่าตัดกันบ้างนะคะ แล้วพบกันค่า^^

สามารถติดต่อเพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพได้กับทางรีแฮปแคร์คลินิกโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นและนักกายภาพบำบัดเฉพาะทาง  

สอบถามเพิ่มเติมที่ "รีแฮป แคร์ คลินิก"

ที่อยู่ : 423 ถนนเพชรเกษม แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. (อยู่ในศูนย์กีฬากันอริ ก่อนถึงซีคอนบางแค) ? 061-801-2482 Line ID : @rehabcare

วิ่งแล้วเจ็บเข่าด้านข้าง...เอ็นข้างเข่าอักเสบ
Posted: July 13, 2021 By: adminrehabcare2 Categories:  Comment:  0

เอ็นข้างเข่าอักเสบ หรือ Iiotibial Band syndrome (ITB syndrome) โรคที่พบมากเป็นอันดับต้นๆในนักวิ่งหรือกลุ่มคนชอบวิ่ง
เรามาทำความรู้จักกล้ามเนื้อและโครงสร้างที่มีปัญหากันสักเล็กน้อยนะคะ

ITBS

IT band (iliotibial band) เป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่มีความหนามาก เกาะตั้งแต่สะโพกส่วนบนลงมาถึงบริเวณด้านข้างของหัวเข่า โดย ITB จะเชื่อมต่อกับ TFL ,Gluteus maximus , Gluteus medius,Hamstring และ Quadriceps ด้านข้าง

Tensor fasciae latae (TFL) เป็นกล้ามเนื้อทางด้านข้างของสะโพก เกาะอยู่ที่ส่วนหน้าของกระดูกเชิงกรานทำหน้าที่กางและหมุนขาเข้าด้านใน

Gluteus maximus ทำหน้าที่เหยียดขา กางต้นขา หมุนต้นขา ไปทางด้านข้าง 

Gluteus medius มีหน้าที่สำคัญในการกางสะโพก และช่วยเพิ่มความมั่นคงให้แก่ข้อสะโพก


เพราะอะไรทำไมวิ่งแล้วเจ็บด้านข้างเข่า

- กล้ามเนื้อ Gluteus medius ที่ทำหน้าที่กางสะโพก ไม่แข็งแรง  จากรูป ภาพ B เมื่อยืนบนขาข้างเดียว กระดูกเชิงกรานด้านขาที่ยกขึ้นจะลดต่ำลง ลำตัวก็จะเอียงออกจากขาที่ยืนอยู่ และแรงที่พื้นกระทำต่อเราจะผ่านด้านในข้อเข่ามากขึ้น ซึ่งจะทำให้เอ็นข้างต้นขา (iliotibial band) ทำงานมากขึ้น และเพิ่มแรงกดด้านในข้อเข่าด้วย ทำให้เกิดการวิ่งไขว้ขา (จากงานวิจัยพบว่า นักวิ่งที่มีปัญหาเอ็นข้างเข่าอักเสบ เวลาวิ่งขาจะมีการเฉียงเข้าด้านในมากกว่า ก็คือการวิ่งไขว้ขานั่นเอง) 

เพราะอะไรทำไมวิ่งแล้วเจ็บด้านข้างเข่า

- การเคลื่อนไหวของขาที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อวิ่ง แล้วมีการหมุนข้อเข่า หรือปลายเท้าเข้าด้านใน

การเคลื่อนไหวของขาที่ไม่ถูกต้อง


เมื่อเป็นแล้วมีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง?

- หากมีอาการบวมแดงร้อน ให้ประคบเย็นบริเวณเข่าด้านนอก 15-20 นาที ร่วมกับพักการใช้งาน

- หากเป็นมานาน และไม่มีอาการบวมแดงร้อน ให้ประคบอุ่นบริเวณด้านข้างต้นขาและเข่า 15-20 นาที แล้วยืดกล้ามเนื้อ

การฉีดยา (Prolotherapy Injection) คือฉีดกลูโคสเข้าไปที่บริเวณกล้ามเนื้อที่ได้รับบาดเจ็บ หรือมีการอักเสบ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมเร่งกระบวนการฟื้นฟูและรักษาตามธรรมชาติ โดยจะใช้เครื่องอัลตราซาวน์ในการนำการฉีดยา เพิ่มความปลอดภัยและแม่นยำในการฉีด และลดความเสี่ยงการฉีดไปโดนเส้นประสาท

การฉีดยา Prolotherapy Injection

การรักษาทางกายภาพบำบัด เป็นการรักษาจากต้นเหตุของปัญหา แก้ไขโครงสร้างกระดูกกล้ามเนื้อที่เป็นปัญหาโดยตรง ฟื้นฟูให้คุณกลับมาทำกิจวัตรประจำวันหรือเล่นกีฬาได้อย่างปลอดภัยและไร้อาการเจ็บ ปัจจุบันวิธีการรักษาทางกายภาพบำบัดก้าวล้ำไปมาก มีทั้งเทคนิควิธีการรักษาที่ทันสมัยและเทคโนโลยีที่คุณภาพสูง

การใช้ Therapeutic ultrasound เข้าไปช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อ โดยการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด นำออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้ในขบวนการซ่อมแซมมาให้กับเนื้อเยื่อเหล่านี้ คุณจะเห็นถึงผลต่างทันทีหลังการรักษา

การใช้ Therapeutic ultrasound

การใช้ High Power LASER therapy เข้าไปช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อ ช่วยลดปวด โดยกระตุ้นให้ไมโตรคอนเดรียซึ่งเป็นแหล่งพลังงานในเซลล์เนื้อเยื่อทำงานได้อย่างประสิทธิภาพในการซ่อมตัวเองเร็วยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับเนื้อเยื่อที่มีน้ำหรือเลือดมาเลี้ยงน้อย อาทิเช่น เอ็นข้อต่อ เอ็นกล้ามเนื้อ ในร่างกาย

การใช้ High Power LASER therapy เข้าไปช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซม


การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อที่มีปัญหา

คลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ตึง ด้วย Foam Roller  ทำ10-15 ครั้ง
***แต่ไม่ควรกลิ้งโฟมบนบริเวณที่มีอาการเจ็บโดยตรง

คลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ตึง ด้วยFoam Roller

นอนหงาย เหยียดเข่าทั้ง 2 ข้าง ยกขาขึ้นค้างไว้ 3 วินาที แล้ววางลงช้าๆ ทำ 15 ครั้ง 3 รอบ

นอนหงาย เหยียดเข่าทั้ง 2 ข้างยกขาขึ้นค้างไว้ 3 วินาที แล้ววางลงช้าๆ

นอนหงาย งอเข่า 45 องศา และรัดยางยืดไว้เหนือเข่า ค่อยๆกางสะโพกออก ค้างไว้ 3 วินาที แล้ววางลงช้าๆ ทำ 15 ครั้ง 3 รอบ

นอนหงาย งอเข่า 45 องศา และรัดยางยืดไว้เหนือเข่า ค่อยๆกางสะโพกออก ค้างไว้ 3 วินาที แล้ววางลง

ยืนกางขาเล็กน้อย ย่อเข่า ตัวตรง และสวมยางยืดไว้เหนือเข่า แล้วค่อยๆก้าวออกไปด้านข้าง แล้วค้างไว้ 3 วินาที แล้วหุบขากลับมาท่าเริ่มต้น ทำ 15 ครั้ง 3 รอบ

ยืนกางขาเล็กน้อย ย่อเข่า ตัวตรง และสวมยางยืดไว้เหนือเข่าแล้วค่อยๆก้าวออกไปด้านข้าง แล้วค้างไว้ 3 วินาที แล้วหุบขากลับมาท่าเริ่มต้น

อาการบาดเจ็บ อย่าปล่อยไว้นาน อย่าคิดว่ามันคงไม่เป็นอะไรหรอก จริงๆแล้วยิ่งปล่อยไว้นานการรักษาจะยากและค่อนข้างใช้เวลานาน กว่าจะดีขึ้น ช้าไปร่างกายส่วนอื่นจะพังไปด้วยนะจ๊ะ ^^

 

สามารถติดต่อเพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพได้กับทางรีแฮปแคร์คลินิกโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นและนักกายภาพบำบัดเฉพาะทาง  

สอบถามเพิ่มเติมที่ "รีแฮป แคร์ คลินิก"

ที่อยู่ : 423 ถนนเพชรเกษม แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. (อยู่ในศูนย์กีฬากันอริ ก่อนถึงซีคอนบางแค) ? 061-801-2482 Line ID : @rehabcare

 

โรคข้อเข่าเสื่อมคืออะไร ถ้าเป็นแล้วต้องผ่าตัดหรือไม่ และถ้าไม่อยากผ่าตัดต้องทำอย่างไร
Posted: July 08, 2021 By: adminrehabcare2 Categories:  Comment:  0


โรคข้อเข่าเสื่อมมักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป โดยอาการที่พบบ่อยคือ มีเสียงในเข่า ฝืด ตึง ปวดเวลาขึ้นลงบันได นั่งพับเพียบ หรือคุกเข่า โดยผู้ที่มีโอกาสเป็นโรคข้อเข่าเสี่อมคือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก อายุมาก คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ผู้ที่ใช้งานข้อเข่ามาก เช่นนักกีฬาที่ต้องกระโดด กระแทกหรือบิดเข่า หรือนักวิ่งมาราทอนที่ต้องใช้เข่าติดต่อกันเป็นเวลานาน


โรคข้อเข่าเสื่อมมีหลายระยะ หากตรวจพบในระยะแรกสามารถรักษาได้โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถตรวจวินิจฉัยได้ด้วยเครื่องมืออัลตราซาวน์ หากยังอยู่ในระยะแรกสามารถฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเทียม (Hyaluronic Acid) เข้าไปจะสามารถลดอาการปวด การฝืดตึง เพิ่มการเคลื่อนไหวและชะลอการผ่าตัดข้อเทียมได้ โดยเฉลี่ยแล้วต้องฉีดยาประมาณ 3 เข็ม โดยเว้นระยะแต่ละเข็ม 1 สัปดาห์ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ไม่ต่างจากการฉีดยาทั่วไป อาจมีผลแค่บวมแดง ซึ่งสามารถหายเองได้จากการประคบเย็น ยาไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย และฤทธิ์ของยาจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีขึ้นอยู่กับการดูแลเข่าและความรุนแรงของโรคในแต่ละคน และสามารถฉีดซ้ำได้ตามข้อบ่งชี้ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


รายงานจากมหาวิทยาลัยมหิดลระบุว่า ณ ปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมมากกว่า 6 ล้านคนและมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น โดยผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปีพบได้มากถึง 50% ดังนั้น หากคุณหรือคนที่คุณรักมีอาการปวดเข่า เจ็บเข่า ลุกแล้วปวด นั่งแล้วปวด ยืนก็ปวด เดินก็ปวด และไม่ต้องการผ่าตัด เราขอแนะนำให้คุณปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งสามารถใช้เครื่องมือเทคโนโลยีล้ำสมัยในการตรวจเช็คโรคได้อย่างละเอียดและแม่นยำ หากพบว่าอาการอยู่ในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาได้ด้วยการไม่ต้องผ่าตัด ดังนั้น ช่วงระยะเวลาที่คุณตัดสินใจไปพบแพทย์จึงเป็นตัวแปรสำคัญในการบอกว่าคุณต้องผ่าตัดหรือไม่ รู้อย่างนี้แล้ว หากพบว่าคนที่คุณรักมีอาการดังกล่าว อย่ารอจนเป็นเยอะ และรีบแนะนำให้ไปพบแพทย์นะคะ


ที่ REHAB CARE CLINIC เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูและทีมนักกายภาพบำบัดเตรียมพร้อมสำหรับการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมโดยเฉพาะ การวางแผนและประสานงานเป็นทีมสามารถเร่งการฟื้นฟูของคุณให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ลดการปวดอย่างทันทีและมีประสิทธิภาพ โดยมีโปรโมชั่นคอร์สการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเทียมอยู่ที่ 9,900 บาทต่อการฉีด 3 เข็ม หากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อม ติดต่อสอบถามก่อนได้ที่ REHAB CARE CLINIC 061-801-2482